Home » การจัดการวัสดุ อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญสำหรับทุกอุตสาหกรรม

การจัดการวัสดุ อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญสำหรับทุกอุตสาหกรรม

by admin
6 views

การจัดการวัสดุ คือกระบวนการในการเคลื่อนย้าย ป้องกัน จัดเก็บ และควบคุมวัสดุตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงการแจกจ่าย บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับ การจัดการวัสดุ ที่ใช้ในคลังสินค้าและอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้และประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดการวัสดุที่มีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการจัดการวัสดุ

การจัดการวัสดุมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในคลังสินค้าและโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

  • การป้องกันอุบัติเหตุในที่ทำงาน: การใช้ระบบการจัดการวัสดุช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากการยกของหนักและการเข้าถึงพื้นที่เก็บของที่สูง
  • การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน: งานที่ลดความหนักและทำซ้ำซ้อนน้อยลงช่วยลดความเครียดและเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
  • การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล: อุปกรณ์การจัดการวัสดุช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การประหยัดต้นทุน: การจัดการวัสดุที่มีประสิทธิภาพช่วยลดความสูญเสียจากความเสียหายของอุปกรณ์และการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้อง

ประเภทของอุปกรณ์การจัดการวัสดุ

อุปกรณ์การจัดการวัสดุสามารถแบ่งออกเป็นสี่ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ อุปกรณ์จัดเก็บและการจัดการวัสดุเป็นกลุ่ม อุปกรณ์ขนส่งอุตสาหกรรม และระบบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ

1. อุปกรณ์จัดเก็บและการจัดการ (Storage and Handling Equipment)

อุปกรณ์นี้ใช้ในการจัดเก็บวัสดุระหว่างกระบวนการผลิตหรือระหว่างการรอการจัดจำหน่าย

  • ชั้นวางพาเลท (Pallet Racks): โครงสร้างแนวตั้งที่ทำจากเหล็ก ใช้สำหรับเก็บสินค้าในคลังสินค้า มักจะมีการออกแบบให้สามารถปรับระดับความสูงได้เพื่อรองรับสินค้าที่มีขนาดและน้ำหนักต่างกัน
  • ชั้นวางและลิ้นชัก (Shelves, Bins, and Drawers): ใช้สำหรับเก็บวัสดุขนาดเล็ก เช่น สกรู น็อต และชิ้นส่วนเล็กๆ ซึ่งช่วยในการจัดการและค้นหาวัสดุได้ง่ายขึ้น
  • เมซานีน (Mezzanines): แพลตฟอร์มยกสูงที่ทำจากไม้ เหล็ก หรือไฟเบอร์กลาส เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ โดยสามารถติดตั้งได้ในคลังสินค้าที่มีความสูงเพียงพอ
  • เฟรมสำหรับการวางซ้อน (Stacking Frames): อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บและซ้อนพาเลท สามารถเพิ่มความสามารถในการใช้พื้นที่ในแนวตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. อุปกรณ์จัดการวัสดุเป็นกลุ่ม (Bulk Handling Material Equipment)

อุปกรณ์นี้ใช้ในการจัดเก็บ ควบคุม และขนส่งวัสดุที่มีลักษณะเป็นกลุ่ม เช่น ของเหลว อาหาร และแร่ธาตุ

  • สายพานลำเลียง (Conveyor Belts): ใช้ในการขนส่งวัสดุจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยมีระบบการขับเคลื่อนที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและล้อหมุน
  • สแต็คเกอร์ (Stackers): อุปกรณ์ที่ใช้ในการโหลดและขนถ่ายวัสดุหนักและวางลงในกอง เช่น การขนถ่ายถ่านหินหรือแร่ธาตุอื่นๆ
  • เครื่องตัก (Reclaimers): ใช้ในการเลือกวัสดุออกจากกอง โดยมักจะใช้งานร่วมกับสายพานลำเลียงเพื่อส่งวัสดุไปยังพื้นที่ที่ต้องการ
  • ลิฟท์ถัง (Bucket Elevators): ออกแบบมาเพื่อจัดการและยกวัสดุปริมาณมาก โดยใช้ถังที่ติดตั้งอยู่บนสายพานเพื่อยกวัสดุขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น
  • ฮอปเปอร์ (Hoppers): อุปกรณ์รูปกรวยที่ใช้ในการเทหรือเทวัสดุที่มีลักษณะเป็นกลุ่มลงในภาชนะ เช่น การเทเม็ดพลาสติกหรือเมล็ดข้าวสาลีลงในเครื่องจักร

3. รถบรรทุกอุตสาหกรรม (Industrial Trucks)

รถบรรทุกอุตสาหกรรมคือยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งวัสดุและสินค้าภายในคลังสินค้า และยังใช้ในการโหลดหรือขนถ่ายวัตถุหนัก

  • รถยก (Forklifts): รถบรรทุกอุตสาหกรรมที่ใช้ในการยกและลดสินค้าระยะสั้น มักมีการใช้งานในคลังสินค้าที่มีการยกพาเลทบ่อยครั้ง
  • รถมือ (Hand Trucks): หรือที่เรียกว่าดอลลี่ เป็นรถบรรทุกอุตสาหกรรมที่ดันด้วยมือ มีล้อสองล้อและขอบเล็กสำหรับบรรทุกสินค้า
  • รถพาเลท (Pallet Trucks): หรือที่รู้จักกันในชื่อรถแจ็คพาเลท ออกแบบมาเพื่อยกและเคลื่อนย้ายพาเลท
  • รถข้าง (Sideloaders): รถบรรทุกอุตสาหกรรมที่สามารถผ่านทางแคบ และโหลดและขนถ่ายสินค้าจากด้านข้างของเครื่องจักร
  • เครื่องเลือกคำสั่ง (Order Pickers): เครื่องที่ยกผู้ปฏิบัติงานให้เข้าถึงวัสดุที่ยากต่อการเข้าถึงบนชั้นสูง

4. ระบบที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ (Engineered Systems)

ระบบอัตโนมัติที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเป็นโซลูชันที่ผสมผสานเทคโนโลยีที่ได้รับการสนับสนุนโดยคอมพิวเตอร์และหุ่นยนต์ในการจัดเก็บและขนส่งสินค้า

  • หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (Autonomous Mobile Robots – AMRs): หุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการนำทางสภาพแวดล้อมด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์ ใช้ในการเคลื่อนย้ายวัสดุในคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบจัดเก็บและเรียกคืนอัตโนมัติ (Automated Storage and Retrieval Systems – AS/RS): โซลูชันที่ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์เพื่อจัดเก็บและเรียกคืนสินค้าในคลังสินค้า ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บและลดข้อผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์
  • ยานพาหนะนำทางอัตโนมัติ (Automated Guided Vehicles – AGVs): หุ่นยนต์ที่ต้องการการนำทางจากมนุษย์ในการเคลื่อนที่ ใช้ในการขนส่งวัสดุในคลังสินค้าหรือโรงงาน

ประโยชน์ของการจัดการวัสดุ

ระบบการจัดการวัสดุที่มีประสิทธิภาพช่วยให้บริษัทสามารถจัดการสต็อกสินค้าในพื้นที่จำกัด ลดเวลาที่ใช้ในกระบวนการภายใน เช่น การขนส่งและการเลือกสินค้า ควบคุมสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของสินค้าในสถานที่ทำงาน

  • การป้องกันอุบัติเหตุในที่ทำงาน: ระบบการจัดการวัสดุช่วยลดความเสี่ยงในการยกของหนักและการเข้าถึงพื้นที่เก็บของที่สูง
  • การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน: งานที่ลดความหนักและทำซ้ำซ้อนน้อยลงช่วยลดความเครียดและเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
  • การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล: อุปกรณ์การจัดการวัสดุช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การประหยัดต้นทุน: การจัดการวัสดุที่มีประสิทธิภาพช่วยลดความสูญเสียจากความเสียหายของอุปกรณ์และการจัดเก็บที่ไม่ถูกต้อง

การดำเนินการจัดการวัสดุตลอดห่วงโซ่อุปทาน

การจัดการวัสดุเป็นส่วนสำคัญในการรับรองว่าวัสดุและสินค้าจะถูกขนส่งอย่างปลอดภัยจากหนึ่งขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานไปยังอีกขั้นตอนหนึ่ง

  • การผลิต: การจัดการวัสดุใช้ในการเคลื่อนย้ายและจัดการการจัดส่งขาเข้าภายในพื้นที่จัดเก็บหรือคลังสินค้า เช่น การจัดการวัตถุดิบและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิต
  • การขนส่ง: การจัดการวัสดุใช้ในการวางสินค้าบนพาเลทเพื่อให้ง่ายต่อการขนส่งไปยังพื้นที่จัดเก็บในคลังสินค้า ใช้การขนส่งที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เช่น การใช้รถยกและสายพานลำเลียง
  • การจัดเก็บ: การจัดการวัสดุใช้ในการขนถ่ายสินค้าไปยังพื้นที่จัดเก็บที่กำหนดหรือชั้นวางขณะที่รอการแจกจ่าย ใช้ระบบจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพเช่น AS/RS
  • การแจกจ่าย: การจัดการวัสดุใช้ในการโหลดสินค้าเข้าสู่รถบรรทุก (เช่น การใช้รถยก) ที่จะถูกจัดส่งไปยังผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง หรือผู้บริโภค

10 หลักการจัดการวัสดุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจาก Material Handling Institute ได้สร้างเอกสารที่ประกอบด้วยหลักการจัดการวัสดุ 10 ข้อ เพื่อสร้างระบบการจัดการวัสดุที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

  1. การวางแผน (Planning): กำหนดแผนที่ชัดเจนสำหรับระบบการจัดการวัสดุ แผนนี้ควรกำหนดว่าวัสดุใดจะถูกขนส่ง อุปกรณ์ใดที่จะใช้ และที่เก็บวัสดุจะอยู่ที่ใด
  2. การมาตรฐาน (Standardization): มาตรฐานกระบวนการและอุปกรณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คาดการณ์ได้ ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงความยืดหยุ่น เช่น หากมีขนาดกล่องที่เหมือนกัน ควรคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอนาคตเกี่ยวกับขนาดกล่อง เพื่อเลือกอุปกรณ์ที่สามารถขนส่งกล่องขนาดเล็กหรือใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
  3. การทำงาน (Work): ลดงานที่ไม่จำเป็นโดยใช้อุปกรณ์ที่ลดหรือขจัดงานที่ทำซ้ำซ้อน
  4. การยศาสตร์ (Ergonomics): ยอมรับข้อจำกัดและความสามารถของพนักงาน โดยการลงทุนในอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน
  5. หน่วยโหลด (Unit Load): ใช้หน่วยโหลด เช่น คอนเทนเนอร์และพาเลท เพื่อลดความพยายามและเวลาในการเดินในคลังสินค้า
  6. การใช้พื้นที่ (Space Utilization): จัดระเบียบคลังสินค้าให้ใช้พื้นที่ที่มีอยู่ได้มากที่สุด ควรจัดคลังสินค้าโดยการเคลียร์ทางเดินในคลังสินค้าให้สะอาด ซ้อนสินค้าขึ้นไปด้านบนเพื่อใช้ความสูง และจัดกลุ่มผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่เดียวกัน
  7. ระบบ (System): รวมเครื่องมือในการติดตามเพื่อให้สามารถระบุตำแหน่งวัสดุและผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็วในทุกขั้นตอนของระบบ
  8. สิ่งแวดล้อม (Environment): ใช้อุปกรณ์ที่ลดการใช้พลังงานและป้องกันการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้รถยกไฟฟ้าเป็นการลดการใช้รถบรรทุกที่ใช้พลังงานโพรเพนเหลว
  9. ระบบอัตโนมัติ (Automation): นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการคลังสินค้า เช่น การเลือกและเรียกคืนสินค้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
  10. ต้นทุนวงจรชีวิต (Life Cycle Cost): ใช้การวิเคราะห์ต้นทุนวงจรชีวิตอย่างครอบคลุมกับอุปกรณ์การจัดการวัสดุ เพื่อให้มั่นใจในความทนทานและความยั่งยืน คำนึงถึงเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น การตั้งโปรแกรม การติดตั้ง การตั้งค่า การใช้งาน การซ่อมบำรุง การนำกลับมาใช้ใหม่ และการกำจัด

สรุป การจัดการวัสดุเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความเสี่ยง และเพิ่มความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน การใช้หลักการและอุปกรณ์การจัดการวัสดุที่ถูกต้องจะช่วยให้การดำเนินงานในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น


ติดต่อเรา

หากคุณสนใจบริการของเรา หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข่าวล่าสุด

ข่าวกระแส

All Right Reserved. Designed and Developed by ppetrendy